จากที่ได้ติดตามและรวบรวมข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ยืนยันโดยผลการตรวจของห้องปฏิบัติการ (ห้องแล็บ) มาตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ซึ่งวันที่ 27 กุมภาพันธ์นั้น สถาบันโรเบิร์ต คอค แจ้งว่ามีผู้ติดเชื้อในเยอรมนีจำนวน 53 ราย และจีนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดมีผู้ติดเชื้อจำนวน 78,961 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้จะเห็นได้ว่า การแพร่ระบาดในเยอรมนีกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ในขณะที่ในจีนกำลังอยู่ในช่วงสูงสุด
จากข้อมูลของ Center for Systems Science and Engineering (CSSE) มหาวิทยาลัย Johns Hopkins ณ วันนี้ 3 เมษายน จีนมีผู้ติดเชื้อจำนวน 82,509 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 27 กุมภาพันธ์ข้างต้น จะเห็นว่าการแพร่ระบาดในจีนได้ชะลอตัวลงจนแทบจะไม่มีการแพร่ระบาดอีกแล้ว และเมื่อวันที่ 2 เมษายน สถาบันโรเบิร์ต คอค ได้ประเมินและปรับพื้นที่มีการแพร่ระบาดและเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยจัดให้จีนไม่เป็นพื้นที่มีการระบาดและเสี่ยงต่อการติดเชื้ออีกต่อไป
วันที่ 3 เมษายน ตามข้อมูลของสถาบันโรเบิร์ต คอค เยอรมนีมีผู้ติดเชื้อ 79,696 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่สำนักงานสาธารณสุขของแต่ละรัฐได้แจ้งสถาบันฯ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ (สถาบันฯ หมายเหตุว่าเนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อาจเกิดความล่าช้าในการแจ้งข้อมูลได้ และข้อมูลที่แจ้งสถาบันฯ อาจไม่สอดคล้องกับข้อมูลของแต่ละรัฐ) และจากที่ผู้เขียนรวบรวมข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อที่กระทรวงสาธารณสุขของแต่ละรัฐได้ประกาศแจ้งทางเว็บไซต์ในแต่ละวันนั้น มีผู้ติดเชื้อในทั้ง 16 รัฐ รวม 85,416 ราย ซึ่งต่อไปนี้ผู้เขียนจะยึดตัวเลขที่รวบรวมจากแต่ละรัฐเป็นหลัก
จากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมาจำนวนผู้ติดเชื้อในเยอรมนีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (exponential) มาโดยตลอด และผ่านมา 30 วันจนถึงวันที่ 3 เมษายน จำนวนผู้ติดเชื้อในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 1,600 กว่าเท่าและแซงล้ำหน้าจีน แม้ว่าในเบื้องแรกแต่ละรัฐจะพยายามหาทางและออกมาตรการชะลอการแพร่ระบาดในรัฐของตัวเองก็ตาม และท้ายสุดในวันที่ 16 มีนาคม รัฐเยอรมันและรัฐบาลแต่ละรัฐได้มีมติตกลงแนวทางร่วมกันทั่วประเทศ แต่ก็เกิดคำถามในหมู่ประชาชนรวมถึงผู้เขียนเองว่าทำไมจำนวนผู้ติดเชื้อถึงยังเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา ในบางวันจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมีจำนวนลดลง ทำให้รู้สึกมีความหวังขึ้นมา แต่บางวันจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นสองเท่าตัว ทำเอาความหวังที่มีหายวับไปกลับตา
กราฟแสดงจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันโดยกระทรวงสาธารณะสุขของแต่ละรัฐและที่แจ้งต่อสถาบันโรเบิร์ต คอค
(ถ้าใช้ PC เคลื่อนเมาส์เพื่อดูตัวเลขบนเส้นกราฟ ถ้าใช้แท็บเล็ต/มือถือ ใช้นิ้วสัมผัสบนเส้นกราฟ)
วันที่ | จำนวนผู้ติดเชื้อ ยืนยันโดยแต่ละรัฐ | เพิ่ม | จำนวนผู้ติดเชื้อที่แจ้งต่อ สถาบันโรเบิร์ต คอค | เพิ่ม |
---|---|---|---|---|
16.3 | 6980 | 6012 | ||
17.3 | 9036 | 2056 | 7156 | 1144 |
18.3 | 11832 | 2796 | 8198 | 1042 |
19.3 | 14804 | 2972 | 10999 | 2801 |
20.3 | 19227 | 4423 | 13957 | 2958 |
21.3 | 22142 | 2915 | 16662 | 2705 |
22.3 | 24782 | 2640 | 18610 | 1948 |
23.3 | 28729 | 3947 | 22672 | 4062 |
24.3 | 32553 | 3824 | 27436 | 4764 |
25.3 | 36914 | 4361 | 31554 | 4118 |
26.3 | 42666 | 5752 | 36508 | 4954 |
27.3 | 48354 | 5688 | 42288 | 5780 |
28.3 | 54238 | 5884 | 48582 | 6294 |
25.3 | 58639 | 4401 | 52547 | 3965 |
30.3 | 61984 | 3345 | 57298 | 4751 |
31.3 | 66717 | 4733 | 61913 | 4615 |
1.4 | 70628 | 3911 | 67366 | 5453 |
2.4 | 79090 | 8462 | 73522 | 6156 |
3.4 | 85416 | 6326 | 79696 | 6174 |
ผู้เขียนไม่ใช่นักวิจัยหรือผู้เชี่ยวชาญอะไร เป็นเพียงประชาชนคนหนึ่งในเยอรมนีที่ประสบกับวิกฤตินี้เหมือนท่านอื่น ๆ แต่ต้องการรู้คำตอบจึงได้แต่ไปสืบค้นตามอ่านข้อมูลและข่าวจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อหาคำตอบและความเป็นไปได้ว่าทำไมจำนวนผู้ติดเชื้อในเยอรมนีจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้รัฐบาลจะออกมาตรการหลายอย่างก็ตาม คำตอบที่ได้ไม่ใช่คำตอบแบบกำปั้นทุบมือหรือคำตอบที่ยืนยันโดยการวิจัยโดยตรง แต่เป็นข้อสมมติฐานหรือความคาดหวังหรือความเป็นไปได้ที่ตั้งอยู่บนการประเมินสถานการณ์และจากประสบการณ์และการเก็บข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ละคำตอบและความเป็นได้ทุกอันที่รวบรวมมานี้ให้ความเข้าใจในภาพรวมกว้าง ๆ ต่อข้อสงสัยว่าทำไมจำนวนผู้ติดเชื้อจึงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ตารางสรุปการประกาศใช้มาตรการชะลอและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19
เริ่ม | สัปดาห์ที่ของปี | มาตรการ (ไม่ใช่มาตรการทางเภสัชวิทยา) |
---|---|---|
9 มีนาคม | 11 | ยกเลิก/ห้ามจัดกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,000 คน |
16 มีนาคม | 12 | รัฐบาลเยอรมันและรัฐบาลแต่ละรัฐมีมติตกลงแนวทางร่วมกันในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เช่น ปิดโรงเรียน เป็นต้น |
23 มีนาคม | 13 | งดติดต่อพบปะกัน ห้ามออกจากเคหสถาน |
คำตอบ
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม สองวันหลังจากที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการเดียวกันทั่วประเทศ ประธานสถาบันโรเบิร์ต คอค ได้กล่าวระหว่างการแถลงข่าวตามปกติเกี่ยวสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ในเยอรมนีตอนหนึ่งว่าจะต้องรอประมาณ 2 สัปดาห์ เท่าระยะเวลาการฟักตัวของเชื้อ เพื่อดูว่ามาตรการที่รัฐบาลประกาศใช้นั้นจะเห็นผลหรือไม่ สอดคล้องกับความเห็นของนักวิจัยหลายท่าน เช่น Dirk Brockmann และ Benjamin Maier จากมหาวิทยาลัยฮุมโบลด์ท (Humboldt University, Berlin) ซึ่งวิจัยการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ ที่เปรียบเทียบว่าการหยุดการแพร่ของโรคระบาดใหญ่เหมือนกับการหยุดเรือซึ่งใช้เวลากว่าเรือจะหยุด ถึงแม้ว่าตั้งวันที่ 16-18 มีนาคม จะผ่านมา 2 สัปดาห์แล้ว ก็ยังไม่เห็นผลอะไรชัดเจนนัก แต่อย่างน้อยจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มวันที่ 2 เมษายน ที่เพิ่มขึ้น 8,462 ราย เพิ่มขึ้นสองเท่าตัวจากวันที่ 1 เมษายนนั้น ในวันที่ 3 เมษายน ผู้ติดเชื้อเพิ่มมีจำนวน 6,326 น้อยกว่าวันที่ 2 เมษายน – คงต้องรอดูต่อมากกว่า 14 วันว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มจะลดลงต่อไปหรือไม่
คำตอบ
หลังจากที่มาตรการมีผลบังคับใช้ สันนิษฐานว่าจะตรวจพบคนติดเชื้อมากขึ้น คือเป็นกลุ่มคนที่ติดเชื้อก่อนวันที่มาตรการจะมีผลบังคับใช้ ถ้ายึดเอาระยะเวลากลางของการฝักตัวของเชื้อคือ 6 วัน จนกว่าจะออกอาการ ก็จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยอาจจะเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวทุก ๆ 3 วัน
คำตอบ
จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่เชื่อว่ามาตรการใช้ได้ผล จึงละเลยและไม่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการ ทำให้เห็นภาพผู้คนออกมาพบปะกันตามสวนสาธารณะหรือเดินสูดอากาศมากกว่าจำนวนที่รัฐกำหนด นอกจากนี้ประชาชนบางส่วนยังมองว่ามาตรการที่ออกมานั้นคือการลิดรอนสิทธิของประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ (ในกรุงเบอร์ลินมีกลุ่มคนออกมาประท้วงในประเด็นนี้อย่างน้อย 2 ครั้งแล้ว) ประเด็นนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายบางท่าน (เช่น Prof. Andrea Edenharter มหาวิทยาลัยทางไกลฮาเกน) ก็ออกมาติงว่ามาตรการที่รัฐบาลประกาศใช้นั้นไม่มีกฎหมายรองรับ กฎหมายป้องกันโรคติดต่อที่แต่ละรัฐอ้างถึงนั้นไม่ได้รับการตีความเพื่อนำมาใช้ในการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 กฎหมายป้องกันโรคติดต่อให้อำนาจรัฐใช้มาตรการที่จำเป็นชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งมาตรการที่รัฐบาลประกาศใช้บังคับในเบื้องต้น 2 สัปดาห์นั้นไม่ถือว่าเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันปัญหาด้านกฎหมาย รัฐสภาได้ลงมติด่วนแก้ไขกฎหมายป้องกันโรคติดต่อโดยให้แต่ละรัฐและแต่ละท้องถิ่นมีอำนาจพิจารณาออกมาตรการตามความจำเป็นและเหมาะสมเป็นการชั่วคราวในระหว่างช่วงวิกฤตินี้
การไม่ปฏิบัติตามมาตรการจะด้วยเหตุผลว่าไม่เชื่อในมาตรการหรือด้วยเหตุผลด้านกฎหมายก็ตาม อาจส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้
คำตอบ
เนื่องจากผู้ติดเชื้อขยายวงกว้างขึ้น การตามหาผู้ที่ได้สัมผัสผู้ติดเชื้อ หรือ Contact-Tracing ลำบากมากขึ้นและใช้เวลามากขึ้น ทำให้ผู้ที่ได้สัมผัสผู้ติดเชื้อมีเวลาเอาเชื้อไปแพร่ต่อ ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายไปรับชาวเยอรมันที่ตกค้างในต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งชาวเยอรมันที่กลับมาเหล่านี้มีโอกาสนำเชื้อเข้ามาในประเทศด้วย เห็นได้จากตัวอย่างนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันจากรัฐชเลสวิก-โฮลชไตน์ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ประเทศอียิปต์ หรือจากที่รัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลนสั่งห้ามชาวเยอรมันที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงเข้าสถานที่ เช่น โรงพยาบาลและบ้านพักคนชรา จะด้วยความประมาทหรือจงใจก็ตาม หากฝ่าฝืนถือว่าเป็นความผิดทางอาญา เพราะสันนิษฐานว่าชาวเยอรมันที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงอาจนำเชื้อเขามาด้วย แม้หลายท้องที่จะกำหนดให้ผู้ที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยงต้องกักตัวในบ้านเป็นเวลา 14 วัน จะมีอาการหรือไม่มีอาการก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่าในพวกที่ไม่มีอาการอาจจะมีคนดื้อรั้นไม่ใส่ใจต่อมาตรการก็เป็นได้
คำตอบ
คำนิยามของผู้ติดเชื้อมีส่วนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสูงหรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันนี้เรารู้จักเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่น้อยมาก เหมือนกำลังคลำทางกันอยู่ทุกที่ เพราะยังขาดองค์ความรู้ การนิยามอาการของโรคจึงนิยามให้ครอบคลุมอาการที่ใกล้เคียงด้วย แม้จะตรวจไม่เจอเชื้อก็ตาม เมื่อวันที่ 24 มีนาคม สถาบันโรเบิร์ต คอค ได้ปรับเพิ่มนิยามโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่โดยนอกจากจะพิจารณาจากสภาพพยาธิของโรคและผลการตรวจโดยห้องปฏิบัติการแล้ว ยังพิจารณาการยืนยันด้านระบาดวิทยา ซึ่งในกรณีท้ายสุดคือ ในผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบที่เกิดขึ้นในสถานพยาบาลหรือบ้านพักคนชราหรือเนิร์สซิ่งโฮม ซึ่งเป็นไปได้ว่าเกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 หรือสงสัยว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 แต่ตรวจไม่พบเชื้อ ก็ให้ถือว่าเป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID-19
คำตอบ
การตรวจเชื้อโดยห้องปฏิบัติการมีความสำคัญมากต่อการจัดการโรคระบาดใหญ่ หนึ่งคือเพื่อตรวจหาและวินิจฉัยโรคอย่างชัดเจน และสองคือผลการตรวจจะเป็นข้อมูลให้วิเคราะห์การพัฒนาของการแพร่ระบาดและหาแนวทางและมาตรการในการชะลอและป้องกันการแพร่ระบาดในลำดับต่อไปได้
ตรวจน้อยเจอน้อย ตรวจมากเจอมาก: ยิ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม ระบบสาธารณสุขพร้อม เครือข่ายเทคนิคการแพทย์พร้อม ก็ยิ่งมีความพร้อมจะตรวจได้จำนวนมาก ยิ่งตรวจสอบได้จำนวนมาก ก็จะยิ่งตรวจพบการติดเชื้อมากไปด้วย จนเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ทางรัฐบาลเยอรมันเองมีความคิดว่าควรเพิ่มจำนวนการตรวจให้มากขึ้น เพื่อจะได้เห็นตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยชัดเจน โดยมีแผนการจะให้ห้องปฏิบัติการทางสัตวแพทย์ศาสตร์มีส่วนร่วมในการตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 ด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแนะนำว่าควรเพิ่มการตรวจกับคนที่สงสัยเองว่าตัวเองอาจติดเชื้อ และตรวจทุกคนที่อยู่ในวงวานของผู้ที่ได้สัมผัสผู้ที่ติดเชื้อ และเพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ ประชาชนควรเป็นผู้เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากลำคอหรือโพรงจมูกด้วยตัวเอง โดยให้ดูตัวอย่างประเทศเกาหลีใต้ที่มีการตรวจเชื้ออย่างทั่วถึง ทำให้สามารถกักคนป่วยติดเชื้อไม่ให้ไปแพร่เชื้อต่อ และสามารถชะลอการแพร่ระบาดโดยประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่สมาพันธ์แพทย์ในสถานพยาบาลของรัฐไม่คิดว่าจะเพิ่มจำนวนการตรวจเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างทั่วถึงเช่นในเกาหลีใต้ได้ เพราะเยอรมนีขาดบุคลากรและไม่มีห้องปฏิบัติการเพียงพอ ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลดำเนินนโยบายประหยัดกับทางการแพทย์มาโดยตลอด ในภาวะวิกฤตินี้รัฐบาลจึงเหมือนเจอการเอาคืน
สถาบันโรเบิร์ต คอค ได้รวบรวมข้อมูลการตรวจผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาโดยห้องปฏิบัติการผ่านหลายช่องทาง หนึ่งให้ห้องปฏิบัติการตอบแบบสอบถามออนไลน์ สองผ่านเครือข่ายเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ และสามผ่านสมาพันธ์ห้องปฏิบัติการที่ได้รับใบอนุญาต โดยห้องปฏิบัติการแจ้งข้อมูลการตรวจให้สถาบันฯ ทราบรายสัปดาห์ สรุปได้ตามตารางด้านล่างนี้
ตารางแสดงความสามารถในการการตรวจเชื้อไวรัส COVID-19 (ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2563)
สัปดาห์ที่ของปี ค.ศ. 2020 | จำนวนตรวจ (ครั้ง) | จำนวนผลตรวจเป็นบวกติดเชื้อ (ครั้ง) | จำนวนห้องปฏิบัติการที่ให้ข้อมูล |
---|---|---|---|
ถึงสัปดาห์ที่ 10 (2-8 มีนาคม) | 87,863 | 2,763 (คิดเป็น 3.14 %) | 48 |
สัปดาห์ที่ 11 (9-15 มีนาคม) | 127,457 | 7,582 (คิดเป็น 5.9 %) | 114 |
สัปดาห์ที่ 12 (16-22 มีนาคม) | 348,619 | 23,820 (คิดเป็น 6.8 %) | 152 |
สัปดาห์ที่ 13 (23-29 มีนาคม) | 354,521 | 30,741 (คิดเป็น 8.7 %) | 143 |
โดยตั้งแต่เริ่มตรวจหาเชื้อจนถึงสัปดาห์ที่ 13 (23-29 มีนาคม) ได้มีการตรวจเชื้อทั้งหมด 918,460 ครั้ง (test) ปรากฏว่าติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 64,906 ครั้ง (test) แต่จำนวนการตรวจและจำนวนการติดเชื้อนี้ไม่ใช่จำนวนคนที่ได้รับการตรวจ เพราะคนหนึ่งอาจจะตรวจมากกว่าหนึ่งครั้งได้
นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่ 13 ห้องปฏิบัติการ 113 แห่งได้แจ้งว่าในสัปดาห์ต่อไป (สัปดาห์ที่ 14) สามารถทำการตรวจรวมกันได้ 103,515 ครั้ง (test) ต่อวัน ถ้าคำนวณทั้งสัปดาห์แล้วแต่ว่าจะนับ 5 หรือ 7 วัน ห้องปฏิบัติการดังกล่าวสามารถทำการตรวจรวมกันได้สัปดาห์ละ 517,575-724,505 ครั้ง (test)
จะเห็นได้ว่าจำนวนการตรวจในสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น แต่มีห้องปฏิบัติการ 86 แห่งแจ้งว่าเริ่มมีปัญหาอุปกรณ์ขาดแคลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวทำปฏิกิริยา (reagent) และไม้ป้ายตัวอย่าง และในสัปดาห์ที่ 13 มีห้องปฏิบัติการจำนวน 3 แห่งแจ้งเป็นครั้งแรกว่าจำเป็นต้องลดจำนวนการตรวจลงเนื่องจากขาดแคลนตัวทำปฏิกิริยา นอกจากนี้ห้องปฏิบัติจำนวน 42 แห่งแจ้งว่ายังมีตัวอย่างจำนวน 31,998 ตัวอย่างรอการตรวจอยู่ คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในวันต่อไป
ตารางแสดงความสามารถในการตรวจเชื้อไวรัส COVID-19 ของห้องปฏิบัติการต่อวัน (ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2563)
สัปดาห์ที่ 10 | สัปดาห์ที่ 11 | สัปดาห์ที่ 12 | สัปดาห์ที่ 13 | |
---|---|---|---|---|
จำนวนห้องปฏิบัติการที่ให้ข้อมูล | 28 | 93 | 111 | 113 |
จำนวนตรวจ (test) ต่อวัน | 7,115 | 31,010 | 64,725 | 103,515 |
คำตอบ
ผู้เชี่ยวชาญ เช่น Dr. Julien Riou นักวิจัยโรคระบาดใหญ่จากสถาบัน Institute of Social and Preventive Medicine (ISPM) มหาวิทยาลัยเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์ หรือ Prof. Dr. Gérard Krause หัวหน้าแผนกโรคระบาดใหญ่ศูนย์วิจัยโรคติดต่อเฮล์มโฮลทซ์ (Helmholtz-Zentrum für Infektionsforschung GmbH) ให้ความเห็นว่าปกติโรคระบาดใหญ่จะไม่ระบาดแบบแนวราบ คือในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งจำนวนการระบาดจะไม่อยู่กับที่ แต่มีความเป็นได้สูงมากและน่าอันตรายคือโรคระบาดใหญ่จะระบาดอย่างรวดเร็ว (exponential) เพราะคนติดเชื้อคนเดียวสามารถแพร่เชื้อไปให้คนอื่นอีกได้หลายคน และคนอื่นหลายคนที่ได้รับเชื้อไปก็จะนำเชื้อไปแพร่ให้คนอื่นต่อเป็นทอด ๆ
คณะวิจัยของ Dr. Julien Riou ได้ออกแบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อวิเคราะห์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศจีน โดยได้ผลออกมาว่า โดยเฉลี่ยแล้วคนติดเชื้อ 1 คน จะแพร่เชื้อต่อให้อีก 2 คน หมายความว่าการแพ่รระบาดจะเพิ่มขึ้นสองเท่าโดยเฉลี่ย จากผู้ติดเชื้อ 500 ราย ถ้าเพิ่มขึ้นสองเท่า 11 ครั้ง จะเกิดจำนวนผู้ติดเชื้อ 1 ล้านราย ถ้าไม่มีมาตรการป้องกันขั้นเข้มข้นก็จะเกิดการระบาดใหญ่ดั่งเช่นคำสันนิษฐานของประธานสถาบันโรเบิร์ต คอค เมื่อคราวแถลงข่าวในวันที่ 18 มีนาคมว่า ถ้าเยอรมนีไม่มีมาตรการชะลอการแพร่ระบาด จำนวนผู้ติดเชื้อในเยอรมนีจะเพิ่มเป็น 10 ล้านรายในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน นักวิชาการหลายท่านคิดกันว่าอัตราการแพร่ระบาดต่อไปยังคนอื่นโดยอยู่เฉลี่ยอยู่ที่ 3 คน มากกว่าผลการทำคอมพิวเตอร์จำลองของคณะวิจัยของ Dr. Julien Riou
หากดูสถานการณ์ในจีนที่การแพร่ระบาดถึงจุดสูงสุดและหลังจากนั้นได้ชะลอลง ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มในวันที่ 3 เมษายน ลดลง น่าจะเป็นลางดีว่า มาตรการที่รัฐบาลประกาศใช้นั้นจะได้ผลและในอีกไม่ช้าการแพร่ระบาดในเยอรมนีน่าจะชะลอและลดลงเรื่อย ๆ จากบทเรียนไข้หวัดใหญ่สเปนระบาดหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1918-1919) ที่มีผู้คนเสียชีวิตหลายสิบล้านคน เนื่องจากปิดข่าวและไม่มีมาตรการชะลอและป้องกันขั้นเข้มข้นใด ๆ ทหารที่กลับบ้านก็นำเชื้อกลับไปด้วย ในสหรัฐอเมริกามีการเดินพาเหรดเพื่อฉลองสงครามยุติและต้อนรับทหารกลับบ้าน มีผู้คนออกมาร่วมแหแหนมากมาย เปิดโอกาสให้เชื้อแพร่ระบาดออกไปขนานใหญ่จนกลายเป็นการระบาดใหญ่ที่รุนแรงที่สุดในโลก
ขออนุญาตยกบทสรุปท่อนหนึ่งจากรายงานองค์การอนามัยโลกที่ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเข้าไปสังเกตการณ์ในจีนมาปิดท้ายดังนี้:-
“โควิด-19 กำลังแพร่กระจายไปด้วยความรวดเร็ว ที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะมองในด้านใด การระบาดของ โควิด-19 ก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากไปเสียหมด และจนถึงปัจจุบันนี้ก็มีหลักฐานที่หนักแน่นแล้วว่า การใช้มาตรการแทรกแซงอื่นที่ไม่ใช่วิธีทางเภสัชวิทยาสามารถช่วยลดหรือแม้แต่หยุดยั้งการแพร่กระจายของโรคได้ การวางแผนรับมือระดับประเทศและระดับโลก แม้จะด้วยความห่วงใย แต่ก็บ่อยครั้งที่มักจะลังเลที่จะเข้าแทรกแซงด้วยมาตรการเหล่านั้น อย่างไรก็ตามการลดการเจ็บป่วยและล้มตายจากโควิด-19 การวางแผนเตรียมความพร้อมระยะใกล้ จะต้องนำเอามาตรการสาธารณสุขต่างๆ ที่ใช้การได้ดี แม้ไม่ใช่วิธีทางเภสัชวิทยามาใช้ด้วย มาตรการต่างๆ เหล่านี้จะต้องได้รับการนำมาใช้อย่างเต็มที่อย่างทันที ทั้งในการตรวจหาผู้ติดเชื้อ การแยกกักกันตัว การติดตามการสัมผัสใกล้ชิดอย่างเข้มงวด และการกักกันตัว/ติดตามตัว รวมไปถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน/ประชากรโดยตรง” (ผู้แปล: ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ สวทช.)
อ้างอิง
- Robert-Koch-Institut: Erfassung der SARS-CoV-2-Testzahlen in Deutschland, 2 April 2020
- Robert-Koch-Institut: Abrupter Rückgang der Raten an Atemwegserkrankungen in der deutschen Bevölkerung, 3 April 2020
- Robert-Koch-Institut: Coronavirus-Krankheit-2019 (COVID-19) (SARS-CoV-2), 24 March 2020
- Robert-Koch-Institut: SARS-CoV-2 Steckbrief zur Coronavirus-Krankheit-2019 (COVID-19), 3 April 2020
- Helmholtz-Zentrum für Infektionsforschung GmbH (HZI): www.helmholtz-hzi.de
- <a href=“https://www.eurosurveillance.org/content/10.2807/1560-7917.ES.2020.25.4.2000058#html_fulltext“>https://www.eurosurveillance.org/content/10.2807/1560-7917.ES.2020.25.4.2000058#html_fulltext</a>
- <a href=“https://www.nstda.or.th/th/nstda-knowledge/13061-who-china-joint-mission“>www.nstda.or.th
- <a href=“https://www.tagesschau.de/inland/corona-massnahmen-rechtmaessig-101.html“>www.tagesschau.de</a>
- <a href=“https://www.mdr.de/sachsen-anhalt/corona-virus-covid-was-wir-bei-fallzahlen-beachten-muessen-100.html“>www.mdr.de</a>
Photo credit: www.planet-wissen.de (ภาพวาด Robert Koch กำลังบรรยายแนะนำวัคซีนในงานประชุมนานาชาติด้านการแพทย์ที่กรุงเบอร์ลินในปี ค.ศ. 1890)