เรื่องมีอยู่ว่าปกติข้าพเจ้าสั่งซื้อเสื้อผ้ากีฬาจาก Adidas online เป็นประจำ ส่งกลับบ้างถ้าไม่ถูกใจด้วยหลายเหตุผล ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง วัสดุไม่เป็นอย่างที่คิด ขอเปลี่ยนขนาดบ้างก็มี ฯลฯ ติดต่อแผนกบริการลูกค้าทาง WhatsApp สะดวกมาก พนักงานตอบเร็วทันใจ ก่อนเหตุโควิดระบาดหนัก ข้าพเจ้าตามเรื่องส่งสินค้าคืน ช่วงแรก ๆ พนักงานก็ตอบมาตามปกติ แต่พอรัฐบาลประกาศ lockdown เมื่อกลางเดือนมีนาคม Adidas ก็เงียบไปเลย ก็พอเข้าใจว่า Adidas ปรับโครงสร้างการทำงานใหม่ จัดให้พนักงานพันกว่าคนทำงานน้อยลง ครั่นจะบริการเหมือนแต่ก่อนคงไม่ได้ … ข้าพเจ้าก็เข้าใจและทำใจได้
ผ่านไปไม่กี่วัน อ่านข่าวเจอว่า Adidas มีแผนการว่าจะงดจ่ายค่าเช่าร้านค้าปลีกของตัวเองและของพาร์ทเนอร์ในช่วง lockdown ชั่วคราว เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด แต่ถูกตำหนิจากหลายฝ่าย เลยพับแผนไป เปลี่ยนมาใช้วิธีขอเครดิตจากนโยบายเยียวยาของรัฐบาลแทน โดย Adidas เป็นบริษัทแรก ๆ ที่ยื่นขอเครดิตจาก KfW และได้รับอนุมัติเครดิตจำนวน 2.4 พันล้านยูโร และกู้จากธนาคารเจ้าประจำของตัวเองอีก 600 ล้านยูโร รวมแล้ว Adidas มีเงินใหม่เข้ามาจำนวน 3 พันยูโร หมายความว่า Adidas น่าจะมีสภาพคล่องพอจะให้บริการลูกค้าได้กว้างขวางขึ้น และขณะนี้ร้านก็กลับมาเปิดได้ แต่ Adidas ก็ยังคงเงียบ ไม่มีปฏิกิริยากับการตามเรื่องของเราอีกเลย
ตอนที่เห็นข่าว Adidas ยื่นขอเครดิตกับ KfW ข้าพเจ้าก็งง ๆ เหมือนกันว่า Adidas เป็นบริษัทแข็งแรงมั่นคง มี“สุขภาพดี“ มีสภาพคล่องดี ไม่มีข่าวเรื่องธุรกิจแย่ออกมา ปีที่แล้ว Adidas ทำกำไรสุทธิเกือบ 2 พันล้านยูโร น่าจะมีเงินสำรองไว้บริหารกิจการต่อไปได้ เช่น จ่ายค่าเช่าร้าน เพราะกฎหมายก็กำหนดให้แบ่งกำไรส่วนหนึ่งไว้เป็นเงินสำรอง ไม่ให้นำไปปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทั้งหมด วิกฤติโควิดทำให้ผลประกอบการของ Adidas ในไตรมาสแรก 2020 ไม่เป็นไปตามแผน คาดว่าจะขาดกำไรประมาณ 500 ล้านยูโร โดยเฉพาะธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค นี้อาจเป็นเหตุผลให้ Adidas ยื่นขอเครดิตเพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน โดยกำหนดเวลาชำระคืนไว้ 15 เดือน และมีเงื่อนไขว่าจะไม่ปันผลให้ผู้ถือหุ้นจนกว่าจะชำระเงินคืนครบ อันที่จริง ๆ แล้ว Adidas สามารถหากู้ในตลาดเงินทุนทั่วไปได้ เพราะยังมีสภาพดีอยู่ แต่เลือกใช้บริการของรัฐแทน
⇒ ในปี 2019 Adidas มีรายได้ 23.64 พันล้านยูโร (เพิ่ม 6%) มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA – ยังไม่หักดอกเบี้ย/ภาษี/ค่าเสื่อม/ค่าจัดหน่าย) 3,845 ล้านยูโร เปรียบเทียบกับปี 2018 เพิ่ม 33% (Geschäftsbericht 2019)
ขนาดบริษัทที่มีสภาพดีอย่าง Adidas ยังยื่นขอเครดิตกับ KfW แล้วบริษัทที่ซวนเซหรือมีผลประกอบการแย่ ๆ ก่อนเหตุโควิดอยู่แล้ว เขายื่นขอเครดิตไหม? ยื่นขอรับท่าน เงื่อนไขดี ๆ ใครไม่อยากได้ รัฐบาลรับประกันให้เต็ม 100% ไม่ถูกประเมินความเสี่ยงว่ามีความน่าเชื่อถือพอจะยื่นขอเครดิตได้หรือไม่
⇒ KfW หรือ Kreditanstalt für Wiederaufbau เป็นของใคร เอาเงินมาจากไหน? KfW คือธนาคารเพื่อการพัฒนาและการฟื้นฟู รัฐบาลเยอรมันถือหุ้น 4 ใน 5 ที่เหลือถือหุ้นโดย 16 รัฐ สรุปคือเงินทุนที่นำมาใช้คือเงินภาษีนั้นเอง คือเจ้าหนี้ให้กู้ไม่พอ รับประกันให้อีกด้วย
มาดูกันต่อว่ามีบริษัทใหญ่ ๆ อะไรอีกบ้างยื่นขอเครดิตกับ KfW
Puma คู่แข่งของ Adidas ก็ไม่ได้มีปัญหาเหลวร้ายอะไร CEO ระบุว่ายื่นขอเครดิตป้องกันไว้ เผื่อ lockdown ลากยาก ได้รับอนุมัติเครดิตวงเงิน 900 ล้านยูโร — ปี 2019 Puma มีรายได้ 5,502.2 ล้านยูโร มีกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายและภาษี 262.4 ล้านยูโร (เพิ่ม 40%) และมีเงินสดหมุนเวียนสิ้นปี 2019 จำนวน 518.1 ล้านยูโร Puma ระบุในรายงานประจำปีว่า แม้ว่าความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดจะคาดการณ์ยาก แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติและในปี 2020 นี้ บริษัทจะสามารถประกอบกิจการได้ตามเป้าหมาย (Geschäftsbericht 2019)
Sixt บริษัทรถเช่า ได้รับอนุมัติเครดิตวงเงิน 1.5 พันล้านยูโร แม้ว่าบริษัทฯ ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าปีนี้จะยังคงทำกำไรเหมือนเดิม — ปี 2019 Sixt มีรายได้ 3,306.5 ล้านยูโร มีกำไรหลังหักค่าใช้จ่ายและภาษี 246.8 ล้านยูโร (Geschäftsbericht 2019)
Ceconomy บริษัทแม่ของ Media Markt และ Saturn ค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้รับอนุมัติเครดิตวงเงิน 1.7 พันล้านยูโร แม้ว่ายอดค้าออนไลน์ของบริษัทในช่วง lockdown จะเพิ่มขึ้น 4 เท่าและปัจจุบันจะเปิดร้านขายได้ตามปกติแล้วก็ตาม — ปี 2018/2019 Media Markt และ Saturn มีรายได้รวมกัน 10,492 ล้านยูโร (de.statista.com)
Thyssenkrupp บริษัทเหล็กเยอรมันเก่าแก่ที่ซวนเซมานานแล้ว เช่น ขาดทุนจากการขยายธุรกิจในสหรัฐฯ และการสร้างโรงงานเหล็กในบราซิล รวมเป็นเงินประมาณ 8 พันล้านยูโร เกือบจะถูกแยกขายทอดตลอด ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ Thyssenkrupp ตกลงขายธุรกิจลิฟต์ซึ่งเป็นธุรกิจที่ยังทำเงินอยู่ให้กับกลุ่ม consortium กลุ่มหนึ่งในราคา 17.2 พันล้านยูโร (spiegel.de) เพื่อจะได้ไม่หายไปจากยุทธจักร ในขณะอยู่ในระหว่างรออนุมัติการโอนถ่ายกิจการและรอรับเงิน Thyssenkrupp ได้ยื่นขอเครดิตและได้รับอนุมัติวงเงิน 1 พันล้านยูโร มิเช่นนั้นมีสิทธิเจ๊งได้ — ปี 2018/2019 (ตค.-กย.) กลุ่ม Thyssenkrupp มีรายได้ 41,996 ล้านยูโร มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT – ก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี) 272 ล้านยูโร หนี้ 3,703 ล้านยูโร กระแสเงินสดอิสระติดลบ 1,263 ล้านยูโร และที่ประชุมใหญ่ผู้หุ้นมีมติไม่ให้ปันผล โดยรวมกลุ่ม Thyssenkrupp มีหนี้ประมาณ 7 พันล้านยูโร และมีภาระจ่ายบำนาญของบริษัทจำนวนประมาณ 9 พันล้านยูโร (Thyssenkrupp Newsroom)
Lufthansa – „กระเรียนเยอรมัน“ ตามที่เคยโพสต์มาแล้ว ยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับรัฐบาล เพราะต้องการความช่วยเหลือทางการเงินประมาณ 9 พันล้านยูโร นับว่าเป็นบริษัทที่ต้องการเงินช่วยเหลือมากที่สุด ถ้าใครพอตามข่าวบ้าง จะพอรู้ว่าธุรกิจการบินแข่งขันกันสูงมาก เกิดสายการบิน low costs อย่าง Ryanair, Easyjet หรือ Air Berlin (ซึ่งเจ๊งไปแล้ว) มาขอส่วนแบ่งตลาด ถึงแม้ Lufthansa จะตั้งแบรนด์ลูก low costs อย่าง Germanwings ขึ้นมาสู้ ก็เอาไม่อยู่ จากเหตุการณ์เครื่องบินของ Germanwings ตกทางตอนใต้ของฝรั่งเศสเมื่อปี 2015 โดยมีหลักฐานว่ากัปตันซึ่งมีปัญหาด้านจิตเวชเป็นคนทำให้เครื่องบินตกเอง ทำให้ Lufthansa ประสบปัญหากับเรื่องภาพพจน์และการทำตลาดของ Germanwings จึงพยายามลดขนาดของ Germanwings มาเรื่อย ๆ และ Lufthansa คงสบโอกาสในห้วงวิกฤติไวรัสโคโรนา ประกาศปิด Germanwings เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา — ว่ากันว่า วิกฤติไวรัสโคโรนาทำให้คำถามดังชัดเจนขึ้นมาอีกว่า เยอรมนีจำเป็นต้องมีสายการบินแห่งชาติจริงหรือ? ประธานบริหารของ Lufthansa ตอบรับแบบอ้อมไปไกลว่า ใช่ เพราะ Lufthansa คือความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจการบินยุโรป ไม่ใช่แค่ของเยอรมนีอย่างเดียว (Lufthansa เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีบริษัทลูกมากกว่า 550 บริษัท สายการบินในเครือ: Lufthansa, Swiss Air, Austrian Airlines และ Brussels Airlines)
จากการแข่งขันด้านราคาอย่างหนักเพราะมีสินค้าเกินกว่าความต้องการ (Überkapazität) ประกอบกับธุรกิจขนส่งสินค้าหดตัวลง ทำให้ธุรกิจของกลุ่ม Lufthansa ในปี 2019 โตไม่มากนัก มีรายได้ 36.4 พันล้านยูโร และกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) 1.2 พันล้านยูโร ลดลง 40% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2018 (Geschäftsbericht 2019)
Deutsche Bahn (มหากาพย์) ที่บริหารผิดพลาดมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาไม่ตรงเวลา ยกเลิก/งดเดินรถบ่อย ๆ เจอคู่แข่งรถทัวร์ ธุรกิจขนส่งขาดทุน บริษัทลูกในอังกฤษขาดทุน ปัญหาเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับไวรัสโคโรนาเลย แต่ Deutsche Bahn ก็ได้แจ้งไปยังรัฐบาลว่าต้องการเงินช่วยเหลือจำนวนราว ๆ 8 พันล้านยูโร
⇒ Deutsche Bahn เป็นของสหพันธ์สาธารรัฐเยอรมัน 100% โดยเป็นนิติบุคคลในรูปบริษัทมหาชนจำกัด (Aktiengesellschaft) ปี 2019 มีรายได้ 43.43 พันล้านยูโร และกำไรก่อนเสียภาษี 681 ล้านยูโร (integrierter Bericht 2019)
ดู ๆ ไปแล้วนโยบายเยียวยาวคือ dilemma สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เป้าหมายสำคัญแรกของรัฐบาลก็คงเป็นการรักษางานของประชาชนไว้ โดยใช้ภาษีที่เก็บมาจากประชาชนนั้นแหละ จะแยกช่วยใครอย่างไรก็คงยาก แต่ในขณะเดียวกันมันคือโอกาสหรือช่องทางให้กับคนที่ทำธุรกิจย่ำแย่อยู่แล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาแย่ตอนโควิดระบาดนี้ เมื่อมันเป็นโอกาส ใครละจะไม่อยากใช้โอกาสนี้ คนที่จะพอรู้สถานะการณ์ของแต่ละบริษัทบ้าง ก็น่าจะมีเพียง KfW และธนาคารเจ้าประจำของแต่ละบริษัท ประชาชนผู้เสียภาษี จะว่าไปแล้วคือผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ก็ต้องมาร่วมรับผิดชอบช่วยเลี้ยง „เด็กติดซาง“ หรือ „ผีซอมบี้ตายซาก“ พวกนี้ด้วย เพราะท้ายสุดแล้วเราอยู่ลำเรือเดียวกันใช่หรือไม่?
สถิติการยื่นขอเครดิตจาก KfW สถานะวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ดังตารางต่อไปนี้
ประเภทเครดิต | จำนวนคำขอ | วงเงินรวม (ล้านยูโร) |
ยื่นขอเครดิตแบบด่วน (Schnellkredit) | 7,397 | 2,518.6 |
เครดิตไม่เกิน 800,000 ยูโร | 33,252 | 5,483.4 |
เครดิตไม่เกิน 3 ล้านยูโร | 2,728 | 4,731 |
เครดิตไม่เกิน 10 ล้านยูโร | 447 | 2,791 |
เครดิตไม่เกิน 100 ล้านยูโร | 242 | 7,197 |
เครดิตมากกว่า 100 ล้านยูโรขึ้นไป | 23 | 19,600 |
รวม | 44,089 | 42,321 |
จะเห็นว่าประเภทเครดิตที่มีวงเงินสูงสุดคือ ประเภทเครดิตมากกว่า 100 ล้านยูโรขึ้นไป มี 23 คำขอ วงเงินรวม 19,600 ล้านยูโร คิดเป็น 46.31% เกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินเครดิตที่ KfW อนุมัติรวมทั้งหมดจนถึงวันที่ 18 พฤษภาคม ตกแล้วเฉลี่ยคำขอละ 852.17 ล้านยูโร
อ้างอิง
หมายเหตุ: โพสต์ลง Facebook วันที่ 19 พฤษภาคม 2563
Photo: kfw.de (ตึกสำนักงานใหญ่ KfW)